เติบโตมากับยุคซีรีส์เกาหลีบุคเบิก สมัยแดจังกึม ฟูลเฮ้าส์ ตอนนั้นอยู่ ม ปลาย
พอจบหมาลัยจนวัยทำงานก็ยังวนเวียนในวงการ K drama
เกาหลีใต้จึงเป็นประเทศแรกที่ได้เจิมพาสปอร์ตของเรา
ไปเที่ยวอะไรที่เกาหลี ไม่เห็นมีอะไร
ตอบไม่ถูก เม้มปากเลย มันเหมือนไม่มีอะไรจริงๆถ้าเทียบประเทศแมสๆแบบญี่ปุ่น
อีกคำถามเด็ด แล้วเกาหลีมีอะไรที่ญี่ปุ่นไม่มี
ญี่ปุ่นมีทุกอย่างในบรรยากาศคล้ายๆกันและสวยกว่าด้วย
มีฤดูหนาวที่หิมะตก มีใบไม้เปลี่ยนสี มีซากุระ
เป็นเอเชียด้วยกัน การเดินทางสะดวก จัดอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งคู่
สำหรับเรา เกาหลีใต้มีความเย็นชาน้อยกว่่า
เป็นระเบียบน้อยกว่า แต่รู้สึกเข้าถึงได้มากกว่า
เป็นบรรยากาศของผู้คนที่ดิ้นรนแต่ยังมีความโวยวาย ขากถุยนิดๆ
บางคนก็ไม่นิดนะ อ้วกใส่กุเลยมั้ย
ถ้าไม่อิงในแง่ประวัติศาสตร์อะไร
เรารู้สึกว่าเกาหลีใต้คือส่วนผสมระหว่างเนเจอร์ของของญี่ปุ่นกับจีนอย่างละครึ่ง
มันเลยลงตัวพอดี ไม่ตึงไม่หย่อน
หมูย่างอร่อย เครื่องเคียงเยอะ คนแก่ไนซ์
นี่คือสิ่งที่เรารู้สึกได้
จากการเดินเล่นตามถนน ตามสถานที่ฮิตๆของทั้งสองประเทศ
จากการได้สังเกตผู้คน บ้านเมือง
สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่แง่มุมจากความรู้สึกของแต่ละคน
บางคนไปแล้วก็รู้สึกมันไม่มีอะไรจริงๆก็ได้ แบบกุมาทำอะไรที่นี่
ครั้งแรกเปิดตัวด้วยการซื้อกรุปทัวร์ไปกับพี่ที่ทำงาน ในปี 2015 เดือนมกราคม
ตื่นเต้นมาก นั่งเครื่องบินครั้งแรก ไปต่างประเทศครั้งแรก
ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องความโหดของ ตม.เกาหลีเลย
ข้อดีของกรุปทัวร์คือ ไม่ต้องคิดอะไร
ไม่ต้องคิดอะไรเลยจริงๆ สบายม๊ากก
แค่เตรียมเงินค่าทัวร์ให้ครบ เดี๋ยวเขาก็พาไปกิน พาไปเที่ยว พาไปนอน 55
เหมาะกับคนที่ไม่อยากพะวงกับปัญหาต่างๆนัก อย่างหลงทาง หรือเจ็บป่วย
เพราะอย่างน้อยก็มีไกด์หรือไกด์ท้องถิ่นคอยดูแล
ส่วนข้อเสียคือ เราจะพลาดโอกาสในการผจญภัยกับการเดินทางด้วยตัวเอง
ถ้าเป็นประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัยและขนส่งมวลชนสะดวกมากๆ
เราชอบไปแบบเที่ยวเองมากกว่า ได้หาข้อมูล ได้หลง ได้งง หาเจอแล้วดีใจ
ถ่ายรูป นั่งพัก หาของกิน อร่อยบ้าง ไม่ถูกปากบ้าง
ยิ่งได้ไปกับเพื่อน ยิ่งสนุก
ถัดมาอีกปี ทริปเกาหลีครั้งที่สองก็เกิดขึ้น ปี 2016 เดือนพฤศจิกายน
รอบนี้ไปกับเพื่อนที่เรียนมหาลัยด้วยกัน
กลุ่มก้อนที่ยังคบกันอยู่ อย่างไม่น่าเชื่อ55
ก็เหมือนไม่มีอะไรทุกที
แต่ก็สนุกเหมือนเดิม เป็นงง
ลองมาเที่ยวสักครั้งนะ
จะได้รู้วาเกาหลีมีอะไร..