“มึง ไปเที่ยวกัน”
“ไปดิป่ะ ที่ไหนดี”
“เกาหลี…”
“เค”
ทริปที่ไปเที่ยวกันสองคนและแผนเที่ยวที่มีไว้ยื่น ตม.
มา เริ่ม!!!
Day1 วันเดินทาง, สบตา ตม.
เช้ามืดวันที่ 31 ตุลา เรียกแท็กซี่ บอกแค่ไปดอนเมือง
แท็กซี่ดันไปส่งเทอร์มินอล2 บินภายในประเทศ ลงเครื่องแล้วให้ไปต่อ บขส เข้ากรุงโซล
ไปถึงสนามบินอินชอน กว่าจะผ่าน ตม. นานประมาณนึง
คิวก่อนหน้า โดน ตม เรียกเข้าห้องเย็นด้วย แต่เย็นกว่าห้องก็มือพี่เอง กลัวมาก
ถือพาสปอร์ตไทย ยังไงก็ขนลุกเหอะ แต่ต้อง keep fresh หนูมาเที่ยวค่าออนนี่
และก็ผ่าน ตม. เข้าไปได้ รับกระเป๋าเสร็จ นั่งรถไฟไปถึงโซลก็ค่ำพอดี
มื้อแรกตั้งใจจะไปกินหมูย่างร้านเดิมที่สถานีฮงแด Exit 8 เคยไปกินกับเพื่อนในปี 2016
พอไปถึงเหมือน position ร้านมันเปลี่ยน ก็ไปยืนเล็งว่าร้านไหน
“มึง ร้านนี้แหละ กุจำได้”
เข้าไปนั่งกัน พนักงานก็เอาเมนูมาให้ เปิดดู .. เมนูเปลี่ยน หันไปดูโต๊ะอื่น เอ๋ ?.. วิ่งดิเอ๋
“มึง ลุกเหอะ ป่ะ ออกไปก่อน” 555555555
ออกไปยืนเล็งหน้าร้านใหม่ ขยับไปซ้ายหน่อย
“มึง ร้านนี้แหละ ร้านนี้จริงๆ กุจำได้”
และพาเพื่อนแหกเกือบทุกครั้งที่มีอาการ “กุจำได้” เนี่ย
ไปผิดที่ไม่เป็นไร เดี๋ยวจำได้ใหม่เพื่อน
เค เจอร้านละ กินกันนนน หมูย่างร้อนๆ ห่อกิมจิเย็นๆกรอบๆ กิมจิร้านนี้เด็ดมาก
โอ๊ย อยากทิ้งตัวใส่หมูสามชั้น
(คนละประมาณ 12,000 วอน)
จบลงที่มื้อนี้ ประมาสองทุ่ม รีบกลับห้องไปนอน
Day2 : Deoksugung Palace, Insadong, Kyunghee university
ที่แรกของวันนี้ไปเดินเรียบกำแพงหินของพระราชวังชื่อ พระราชวังถ็อกซูกุง (Deoksugung Palace)
วังไม่เข้า แค่อยากไปเดินเรียบกำแพงวัง แค่นั้นจริงๆ และมันก็สวยจริง ตรงประเด็นมาก
ยิ่งเดินตามกำแพงไปเรื่อยๆ ใบไม้ก็มีสีสันมากขึ้น ละไปช่วงเช้า มีแสงแดดอ่อนๆส่องลงมา
เดินช้าๆ ถ่ายรูปเล่นกันไปเรื่อยเปื่อย สบายใจมาก รีแลกซ์มาก
(ความรู้สึกตอนนั้น นึกถึงคำว่า Healing อืออ มันคือทริปฮีลลิ่ง
กว่าจะมาถึงวันเที่ยวนี่คือความรู้สึกข้างในมันล้าที่เจอเรื่องป่วงๆมาค่อนปี
พอพาตัวเองมาอยู่อีกบรรยกาศนึง มันช่วยได้อะ )
ออกจากกำแพง ต่อ subwayไปอินซาดง ไปหาเดินซื้อช้อน ชิคๆ 555
ช้อนกินข้าวเกาหลีที่หัวกลมๆด้ามยาวๆอะค่ะ ชอบมาก ใช้ถนัดดี เอาไว้ซดแกง
อินซาดงเป็นย่านขายของแนว traditional ถ้วย ชาม ช้อน ของที่ระลึก อันเล็กอันน้อย
คนที่ชอบแนวนี้ถ้ามาเดินคงได้อะไรติดไม้ติดมือเยอะ
ส่วนคนมีเป้าหมาย ตรงประเด็นอย่างเรากะเพื่อนคือ
“ซื้อช้อน และหาข้าวกิน”
อีกอย่างตั้งใจจะไปดูร้านข้าวอาจุมม่าที่เคยมากินกับเพื่อนในทริปปี 2016
อยู่ๆก็เหมือนเป็นทริปตามรอยตัวเองในอดีต แล้วก็ชื่นมื่นถ้าไปถูก
เดินไปเจอซอยนึง “มึง ร้านอยู่ซอยนี้แหละ กุจำได้!!” อีกแล้วเหรออออ
เดินเข้าซอยไป Layout มันใช่มาก ซอยนี้แน่นอน แต่มันกลายเป็นร้านอื่นไปแล้ว หรูกว่าเดิม
อาจุมม่าขายร้านให้เขาละมั้ง เข้าร้านนี้แหละ เมนูก็น่ากิน สั่งมาคนละเซ็ทคนละแบบ
แล้วก็ไม่ผิดหวัง อร่อยมาก อิ่มมาก นั่งอืดเลยจ้า กินเก่งงงง (คนละประมา 14,000 วอน)
เซ็ทที่มีข้าวปั้นเป็นคำๆไว้ ดูเหมือนจะกินไม่อิ่ม ขอเตือนเลยข้าวเกาหลีตัดกำลังมาก
กินไปสองต่อนก็หนักท้องละ กินหมดนั่นก็นั่งอืดอะ
เห็นผักเยอะๆแบบนี้ แต่อร่อยจ้า
อิ่มแล้วก็กลับสิ ขาเดินกลับมานี่แหละ เซอร์ไพรส์สุด เพราะว่าเจอซอยที่เป็นร้านเดิมจริงๆ อยู่ถัดมาอีกซอย
แวะเข้าไปดูให้หายสงสัย มันใช่เลย ร้านอาจุมม่ายังอยู่ แถมกวักมือเข้าร้านอีก55555
“มึง ซอยนี้จริงๆ กุจำได้แล้ว” ….
ต่อจากอินซาดง จะไปเดินถนน Samcheong Dong แต่หาไม่เจอ
ถนนเส้นนี้เท่าที่หาข้อมูล จะมีร้านคาเฟ่ ร้านขายของน่ารักๆ มีต้นแปะก๊วยสีเหลืองตามถนนตลอดแนว
ดูแมพแล้วก็ไม่เจอ ใช้เวลานานพอสมควร ก็คิดว่าไม่เจอ หาไม่เจอตั้งแต่ปี 2016 แล้ว ท้อ
ก็เทจ้า ง่ายๆสบายๆ Just relax!!
เทอันนี้เลยเปลี่ยนไปมหาวิทยาลัยคยองฮี แทน Kyung Hee University
อมก!! สวยกว่าที่คิดไว้มาก ใบเมเปิ้ลกำลังแดง ต้นไม้ก็สวย อาคารก็สวย
“ถ้าเราได้เรียนที่นี่ มึงคิดว่าจะเป็นยังไง?”
“เราจะไม่แฮปปี้ เพราะไม่มีตังค์..”
“ทำงานพาร์ทไทม์ หน้าเมือก หาค่าเทอม”
“เออ เก็บมาตังค์มาเที่ยวก็พอแระ “
อย่างกับวัง ถ้าจ่ายค่าเทอมแล้วไม่ได้นั่งเรียนทุกอาคารนี่งอนนะ
เริ่มค่ำ ชวนกันกลับไปเดินแถวที่พัก ฮงแดบ้านเรานั่นเอง
เย็นวันนี้ ได้จัดปลาหมึกผัดเผ็ดที่เล็งไว้ตั้งแต่ปี 2016 แต่ไม่ทันได้กิน เมนูที่ข้ามกาลเวลามา 2 ปี
คือดีมากกก เชื่อเรา นี่สั่งแบบสองคน เป็นหมึกแอดหมูสามชั้น ถ้าจำไม่ผิด คนละ 13,000 วอน
ไฮไลท์มันอยู่ตรงนี้ พอเรากินหมึกหมด มันเหมือนจะไม่ค่อยอิ่ม555
ร้านเขาจะเอาข้าวมาคลุกน้ำแกงในกระทะให้ น้ำเครื่องปรุงสีแดงๆออกหวานหน่อย
มีข้าวโรยสาหร่าย เอามาผัดๆ แล้วก็โปะด้วยไข่กุ้ง ช้อนใหญ่ๆ
แม่เอ๊ยยยย ไปขายที่บ้านหนูได้ไหมม
น่าจะเป็นคอนเซ็ปต์ของร้านแหละ ถ้าจะให้อิ่มจากหมูหมึกกุ้งคงเจ๊งกันไปข้าง
คือเรโซ…เอาข้าวไปตัดกำลังคุณลูกค้ามัน 55
แต่ดีจริง ทับใจ ปิดท้ายด้วยเมนูนี้ของ Day2 ประมาณสองทุ่ม กลับบ้านนอน…
Day3 Naksan Park, Seoul Forest, Itaewon
เช้าวันนี้เป็นวันศุกร์ ไปเดินเรียบกำแพงหินที่ Naksan Park
เป็นที่เที่ยวบนภูเขาที่มองลงมาเห็น top view อีกมุมของกรุงโซล
ทางขึ้นไปชันมาก มีอาการโอดโอยกันหน่อยๆ แต่ระหว่างทางจะมีร้านขายของน่ารักๆให้แวะดูได้
พอขึ้นไปถึงก็จะเห็นแบบนี้
กำแพงหินที่ว่าจะเป็นคล้ายๆขั้นบันไล่ระดับไปตามเนินเขาค่ะ
แต่ละขั้นก็จะมีที่ให้มองลอดช่องแบบนี้ เห็นหลังคาประชาชนเรียงกันพรืดอยู่ข้างล่าง
เป็นโลเคชั่นของผู้ปกครองดีค่ะ แต่ไม่ได้สืบประวัติมาว่ามีความเป็นมายังไง ขี้เกียจ ฮ่า
ออกจากตรงนี้เดินเล่นต่อแถวหมู่บ้าน Ihwa mural village โลเคชั่นแถวนี้เห็นในซีรีส์บ่อยๆ
หมู่บ้านที่เพ้นท์สีเพ้นท์ลายตามผนัง ตามขึ้นบันได เท่าที่เคยเห็นรีวิวก็สวยดี แต่ช่วงที่เราไปคือ ไม่ว้าวเท่าไร
เขาลบไปเยอะแล้ว ได้ข่าวว่าประชาชนอยู่ไม่สุขที่นักท่องเที่ยวไปละรบกวนชีวิตความเป็นอยู่..
ออกจากหมู่บ้าน Ihwa ใกล้เที่ยง เดินโซเซหิวข้าว ไร้จุดหมาย ร้านไหนจะเป็นรายถัดไป
เดินแรนด้อมไปเจอร้านข้าวในตรอกในซอยคนพลุกพล่าน แถวจตุรัสดงแดมุน
ร้านเล็กๆ คนนั่งเต็ม เมนูเป็นภาษาเกาหลีล้วน
“เอาแบบไหนดีมึง”
“เอาแบบโต๊ะข้างๆ”
เรียกอาจอชิมารับออร์เดอร์ ชี้ๆ ลอกๆ แล้วก็นั่งลุ้น
ผ่ามมม เดือดปุดๆมาเลยค่า ซดสิคะรออะไร สดชื่น รสชาติดีสดใสวัยกลางคนมากๆ
ใต้ความเดือดนี้ เป็นเนื้อปลาอะไรก็ไม่รู้ อ่านไม่ออก แค่อร่อยก็ไม่จำเป็นต้องสื่อสารอะไรมากกว่านี้
ชอบความถ้วยเล็กถ้วยน้อย ปุ๊กปิ๊กและอร่อยทุกอย่างขอบเครื่องเคียงประเทศนี้จริงๆ
เป็นคนชอบกินหลายอย่าง อย่างละหน่อย ตอบโจทย์ชีวิตสุด
อิ่มท้องแล้วเดินทางค่ะ วันนี้ตารางแน่น
Here! we are, Seoul Forest
เรียกว่าอะไรดี สวนป่าหรอ สวนสาธารณะที่กว้างมาก มีขนาดใหญ่จนเป็นป่าได้อะ
ส่วนเรากับเพื่อนก็เดินจนเป็นบ้าได้ เดินไร้สติ เดินจนไม่อยากกลับ ท้อ
ที่เที่ยววันนี้คือ จริตวัยเกษียณที่แท้ เพิ่งแค่เลขสามกันป่ะ
เดินเหนื่อยมีนั่งจิบกาแฟปรับทุกข์ เรื่องตั่งต่าง รู้สึกได้ฮีลลิ่งอีกแล้ว
ฝั่งนี้กำลังเหลือง สวยและสงบดีค่ะ กลายเป็นสถานที่ที่ตอบโจท์ใบไม้เปลี่ยนสีของทริปนี้เลย
มีคนแก่ มีเด็กๆ มีหนุ่มสาว มาเดินเล่นกัน ประปราย
เดินทางง่าย อากาศก็ดี คุณภาพชีวิตพื้นฐานดีจัง
ลองคิด แต่ถ้ามาอยู่จริงๆจะเป็นไงนะ (เราจะไม่แฮปปี้ เพราะเราไม่มีตัง#!@# ..พอๆ)
เหลืองจนแสบตา
กว่าจะออกจาก Seoul Forest ก็เกือบค่ำละ กว้างจัด คลานเข่าออกมาค่ะ
ต่อด้วยที่สุดท้ายของวันนี้คือ Iteawon
Iteawon ในความคิดเราคือ มันจะมีถนนที่มีร้านขายของชิคๆให้เดินดู
แต่พอค่ำแล้ว ไปถึงก็หาอะไรแบบที่คิดไว้ไม่เจอเลย ลองเข้าไปในซอยก็ว่างเปล่า
ก็ไปอีกซอยก็เจอลักษะนี้ ผับ บาร์ ร้านเหล้าและชาวฝรั่ง
คือ ชวนกันกลับแบบไม่ลังเล ไม่ใช่แนว
ทริปเราเปิดตัวมาก็หาซื้อช้อนกันแล้ว จะมาทำอะไรที่ผับอิแทวอนล่ะ
รีบออกจากอิแทวอน กลับบ้าน(ฮงแด)มาหาของกินค่ะ มื้อนี้อยากลองกินปูดองซีอิ๊ว
Search ดูรีวิวกันระหว่างนั่ง subway กลับนี่แหละ
เพื่อนก็เจอรีวิวของเจ้านึง น่ากินมาก แต่บอกทิศทางได้งงมากกว่า
ทั้งเหนื่อยทั้งหิว แต่ก็อยากกิน บ่นกันอุบอิบ หายากจังวะ
สุดท้ายก็มาถึง …
แถ่แด๊มมมมม
นี่ก็ปู ชิ้นใหญ่ๆ
แต่…เมนูปูดองนี่หักมุมที่สุดของทริปเลยจ้า
เหยย เรากะเพื่อนรู้สึกมันไม่อร่อย
ลิ้นพวกเราอาจจะเข้าไม่ถึงรสชาติของเค้า ฮือออ
รสชาติจะออกหวาน เลี่ยนๆ กินสักพักแล้วรู้สึกเมาๆ เวียนหัว ดองซีอิ๊วหรือดองเหล้าอะ
แต่ให้เครื่องเคียงเยอะนะคะ ไข่ตุ๋นคนละถ้วยใหญ่ ข้าว ซุป สาหร่าย และถ้ายเล็กถ้วยน้อย
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น…
“มึง ลุกเหอะ”
555
แต่ก็มีความสุขที่ได้ลอง
ไม่ต้องตายไปพร้อมกับความสงสัยแล้ว
Day 4 : Yeouido Hangang park, Cheonggyecheon, Samcheongdong
วันนี้ออกจากห้องเกือบสิบโมง just relax!! ไม่ relax ได้ไง เมื่อวานเดินอย่างกับอพยพ
แพลนว่าจะไปกิน ไก่ทอดที่ยออึยโด ดูวิวแม่น้ำฮันงี้
พอไปถึงดันอยากกินมาม่า55
แต่ถึงอย่างงั้น มาม่าก็อร่อยกว่าปูดองเมื่อวานอะ ห่อใหญ่ เส้นนุ่ม เครื่องปรุงอร่อย
กินกับหัวไชเท้าดองกรอบๆ คือความเรียบง่ายที่สวยงามของชีวิตวันนี้แล้ว
ลาก่อน ไก่ทอด
วิวแม่น้ำฮันก็ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปกัน อิ่มแล้วอึน ไม่รู้ไปไหนต่อ
แพลนว่าจะไปฝั่งคังนัม แต่เพื่อนนังบอก ไม่อยากไปแล้วรู้สึกว่ากุมาทำอะไรที่นี่555
เก็ทฟีลป่ะ มันเป็นย่านที่รวยหรูจนรู้สึกแปลกแยกอะ กังนัมสไตล์ ที่มีแต่ช็อปสินค้าแบรนด์เรียงราย
ไฟนอลลี่ ก็ตกลงกันได้ว่าจะกลับไปฝั่งเดิม จะไปคลองชองกเยชอนหาร้านกาแฟนั่งกิน
รอบนี้คลองชองดร็อปลงเยอะ แต่รอบคลองใบไม้กำลังเปลี่ยนสีมีแบ็คกราวน์เป็นตึกสูงๆ สวยเชียว
เดินเล่นนิดหน่อย พอจะมองหาร้านกาแฟไม่มีเลย
เพื่อนก็ได้ไอเดียว่า กลับไปตามหาถนน Samcheongdong กัน แล้วไปกินกาแฟที่นั่น
กลับไปรอบนี้เจอค่ะ เจอเพราะเป็นวันหยุด
พอเป็นวันหยุดคนก็จะมาเดิน เราไปถึงจุดเดิมก็รู้เลยว่าต้องเลี้ยวตรงไหน
เพราะคนเดินกันเป็นสายเข้าไปในซอยเล็กๆอะ
คือครั้งแรกที่ไปเป็นวันธรรมดาไง แล้วเจ้าซอยที่ว่านี่ก็เหมือนซอยเข้าบ้านใครสักคน
คราวที่แล้วก็เดินผ่านซอยนี้ไปหน้าตาเฉย
มิติลี้ลับเว่อ
คุ้มที่ย้อนมา แม้วันเวลาจะผ่านไปปป
เจอค่าเฟ่ของหวาน จำชื่อร้านไม่ได้ TT
นั่งจิปกาแฟ กับเพื่อนและสิ่งนี้
กลับมาเดินที่ฮงแด ค่ำหน่อยหากินหมูย่างอีกรอบ แต่เปลี่ยนร้าน อร่อยไปอี๊ก
ขี้เกียจพิมพ์แล้วค่ะ แต่อยากเล่าว่ามีความสุขมาก
ฟู้ดเธอราปี้ ฟู้ดฮีลลิ่ง
กินหมูย่างเสร็จ ไปหาซื้อของฝากนิดหน่อย แล้วไปซื้อไก่ทอดที่ไม่ได้กินตอนเที่ยง
เริ่มไม่ไหวจะลงรายละเอียด แต่ก็ยังจำได้ ว่ากินไรไปบ้าง
สหายสายแดกที่แท้ ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกันอย่างอดทน 55
กลับห้องเก็บกระเป๋า เกียมของกลับบ้านค่ะ
ตามมาเที่ยวได้นะ เดินทางง่ายมาก ยากสุด ก็แค่ ตม. ^^
Day 5 “โซลอ่า อันยองงง”